หากจะกล่าวถึงเมืองที่ใครต่อใครกล่าวขานว่าแสนจะโรแมนติก หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ&nbsp;เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov)&nbsp;แห่งสาธาณรัฐเช็ก&nbsp;อย่างแน่นอนค่ะ เมืองแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำวัลตาวาไหลผ่านตัวเมือง ทำให้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น เหมาะจะพาคนรู้ใจไปเดินเคียงข้างซึมซับบรรยากาศมาก ๆ เลยค่ะ นอกจากบรรยากาศอันโรแมนติกที่ใครมาเยือนก็ต่างหลงใหลแล้วนั้น ที่แห่งนี้ยังเป็นมรดกโลกสำคัญที่ชาวเช็กต่างภูมิใจอีกด้วยค่ะ โดยเมืองแห่งนี้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1992 จนในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งนั่นเองค่ะ จุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวตราตรึงในความสวยงามคือบ้านเรือนและอาคารที่ล้วนมีหลังคาสีส้มแดง เมื่อได้มองจากมุมสูงจะสามารถเห็นมนต์เสน่ห์อันสวยงามของเมืองได้อย่างเด่นชัดเลยทีเดียวค่ะ อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดในการเที่ยว&nbsp;เชสกี้ ครุมลอฟ&nbsp;คือ Old Town Square ด้านหน้ามีเสาศิลาและบ่อน้ำพุ The Marian Plague Column ตั้งตระหง่านอยู่ เมื่อถึงช่วงเดือนมิถุนายนจตุรัสแห่งนี้ก็จะมีการจัดเทศกาลกุหลาบห้ากลีบ เป็นงานใหญ่ที่สุดของเมืองนี้เลยค่ะ สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป&nbsp;:&nbsp;เชสกี้ ครุมลอฟ&nbsp;มนต์เสน่ห์มรดกโลกแสนโรแมนติก แห่งเมืองเช็ก ฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยม&nbsp;: ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เวลาเปิด-ปิด&nbsp;: เปิดทุกวัน 9.00-17.00 น. สกุลเงิน&nbsp;: CZK (โครูนาเช็ก) มีจุดฝากสัมภาระ โดยจะเสียค่าใช้จ่าย 50&nbsp;โครูนาเช็ก(CZK)/ 1 ชิ้น ค่าเข้าชม&nbsp;: ฟรี&nbsp; พิกัด :&nbsp;https://bit.ly/2X4SiM8 รวมทัวร์ยุโรปทั้งตลาด Iทัวร์สาธารณรัฐเช็ก&nbsp;I&nbsp;เที่ยวสาธารณรัฐเช็ก&nbsp;I รีวิวสาธารณรัฐเช็ก&nbsp;I&nbsp;เชสกี้ &hellip; <a href="https://www.jubileetravel.co.th/travel-info/%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b9%89-%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%9f-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b9%87%e0%b8%81/">Continued</a>

วันนี้นู๋JUB มีหนึ่งสถานที่อยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันค่ะ ที่นั่นก็คือสะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) นั้นเอง เป็นสะพานที่ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างฝั่งตะวันออก กับฝั่งตะวันตกของเมืองปราก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1375 ตัวสะพานมีความยาวถึง 621 เมตร และในสมัยก่อนถูกใช้สำหรับการสัญจรไปมาสำหรับพระราชวงศ์เท่านั้น ปัจจุบันสะพานแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมกันหนาแน่นทุกวัน เพราะนอกจากความสวยงามทางสถาปัตยกรรมแล้ว ตัวสะพานยังนับเป็นจุดชมวิวเมืองปรากที่สวยงาม และเต็มไปด้วยมุมสวยๆ ให้เดินถ่ายรูปกันได้ทั้งวัน สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) เมืองปรากนั้น เป็นเมืองที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง โดยมีแม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) คั่นกลาง ทำให้เกิดการสร้างสะพานเพื่อใช้สัญจรไปมาระหว่างทั้งสองฝั่งของเมือง ซึ่งหนึ่งในสะพานที่ได้รับการยอมรับว่ามีชื่อเสียงที่สุดของปราก ก็คือ สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) นั่นเอง โดยสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากคำสั่งของพระเจ้าชาร์ลส์ที่4 (King Charles Iv) เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการเดินทางของบรรดาพระราชวงศ์ ทำให้ตัวสะพานได้รับการออกแบบอย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมของตัวสะพาน หรือหอสะพานทั้งสองฝากฝั่งของสะพาน โดยสะพานแห่งนี้ มีการตกแต่งด้วยรูปปั้นนักบุญของชาวเช็กมากกว่า 20 รูป และ โคมไฟอีกหลายจุด ซึ่งรูปปั้นเหล่านี้มีประวัติอยู่มากมายหลายสิ่ง&nbsp; มีหนึ่งรูปภาพที่ผู้คนต่างเชื่อว่าเมื่อสัมผัสและขอพรจะเกิดความโชคดีในชีวิต ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวอย่าลืมไปขอพรกันนะคะ และบริเวณโดยรอบสะพานยังมีร้าน &hellip; <a href="https://www.jubileetravel.co.th/travel-info/%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%a5%e0%b8%aa%e0%b9%8c-%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b9%87%e0%b8%81/">Continued</a>

ถ้าพูดถึงเมืองเล็กๆในฝันของใครหลายๆคน&nbsp;เมืองฮัลส์สตัทท์ (Hallstatt)&nbsp;ต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอนค่ะ เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก&nbsp; เมืองฮัลส์สตัทท์ (Hallstatt)&nbsp;เมืองชนบทเล็กๆ&nbsp;ริมทะเลสาบแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานมากๆ ตั้งแต่ ต้นยุคเหล็ก (Early Iron Age) ราวๆ 800-450 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว เดิมทีเป็นชุมชนของ ชาวเคลติก (Celtic) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเก่าแก่ในภูมิภาคยุโรป ไฮไลท์แรกของการมาเยือนเมืองฮัลส์สตัทท์&nbsp;ก็คือส่วนของในเมือง เราจะได้เก็บภาพเมืองสวยๆ ที่ตั้งอยู่ตามไหล่เขา ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถเดินได้จนรอบเมืองแล้วค่ะ ว่ากันว่า&nbsp;เมืองฮัลล์สตัทท์&nbsp;ไปฤดูไหนก็สวย ถ้าไปในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี&nbsp;และฤดูร้อนตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน เราจะได้เห็นทิวทัศน์อันเขียวขจี และท้องฟ้าสดใส เพิ่มความรู้สึกโรแมนติกได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศหนาวๆ และอยากเก็บภาพหมู่บ้าน และภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสุดอลัง ต้องมาตอนหน้าหนาวในช่วงเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์ค่ะ ยิ่งช่วงก่อนเทศกาลคริสมาสต์ เราจะได้เห็นแต่ละบ้านตกแต่งด้วยเครื่องประดับประจำเทศกาล สร้างบรรยากาศให้ดูมีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ทะเลสาบที่นี่นอกจากให้บรรยากาศที่สวย สดชื่น สบายตาแล้ว ยังมีเหล่าฝูงหงส์มาให้เราถ่ายรูปคู่กับน้องๆได้ด้วยค่ะ ที่เมืองฮัลส์สตัทท์ ยังมีร้านขนม ร้านอาหาร และร้านของฝากที่ระลึกให้เลือกซื้อ ไปเป็นของฝากเล็กๆน้อยๆให้กับคนที่เรารักได้ด้วย แล้วจะบอกว่ารสชาติดีมากๆค่ะ ปลาเทราต์เป็นปลาที่นิยมทานของชาวออสเตรียเพราะมีแหล่งกำเนิดของปลาและหาได้ง่ายตามแนวแม่น้ำหรือทะเลสาบของประเทศออสเตรีย ปลาเทราต์มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและยังมี โอเมกา 3 สูงเป็นปลาน้ำจืด เนื้อมีรสชาติดี แทบไม่มีกลิ่นคาวของปลาเลย และรสสัมผัสจะเหมือนกับปลาแซลมอนเลยค่ะต่างเพียงสีเท่านั้น สิ่งที่ควรรู ้ก่อนไป:&nbsp;ฮัลส์สตัทท์&nbsp;: เมืองแห่งทะเลสาบกลางหุบเขาออสเตรีย &hellip; <a href="https://www.jubileetravel.co.th/travel-info/%e0%b8%ae%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%aa%e0%b9%8c%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%97%e0%b9%8c-%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2/">Continued</a>

วันนี้นู๋จุ๊บจะมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น&nbsp;ที่เงียบ สงบ บรรยากาศดี เหมาะแก่คู่รักหรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว คนไม่แออัดและอยากหลบหลีกความวุ่นวายภายในเมือง นู๋จุ๊บขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ&nbsp;เกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Island) เกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Island)&nbsp;เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด&nbsp;คางาวะ&nbsp;ภูมิภาค&nbsp;ชิโกะคุ&nbsp;&nbsp;อากาศอบอุ่น &nbsp;มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเกาะ&nbsp;Awaji&nbsp;และ Seto inland Sea&nbsp;เลยนะคะ คำว่าโชโดชิมะ แปลเป็นภาษญี่ปุ่นตรงตัวก็คือ เกาะถั่วขนาดเล็ก มาจากตำนานปรัมปราที่เชื่อกันว่าเทพเจ้าได้สร้างเกาะนี้ให้เหมือนถั่ว นอกจากนี้เกาะโชโดชิมะ (Shodoshima Island)&nbsp;ยังเต็มไปด้วยสถานที่ชมวิวธรรมชาติสวยๆ มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ&nbsp;แองเจิลโรด (Angle Road エンジェルロード )&nbsp;มีรีสอร์ท โรงแรม ที่พัก ริมทะเลด้วยนะคะ แองเจิลโรด (Angle Road エンジェルロード)&nbsp;หรือ ทางเดินแห่งรัก ที่เชื่อว่าเหล่านางฟ้า เทวดาจะพากันลงมาโปรยความสุขและอวยพรให้กับคู่รักที่จับมือกันเดินผ่านหาดทรายสีขาวที่เชื่อมเกาะเอาไว้ 4 เกาะให้พบกับรักนิรันดร์ แม้กระทั่งหินก็ยังสลักว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่ชื่นชอบในการปั่นจักรยาน ก็สามารถมามุมนี้ได้เลยค่ะ &nbsp;&nbsp;แองเจิลโรด (Angle Road エンジェルロード)&nbsp;ตั้งชื่อมาจากสันดอนทราย 500 เมตร เกิดจากปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ในหนึ่งวันสามารถเดินผ่านแองเจิลโรดเพียง 2 ครั้ง &hellip; <a href="https://www.jubileetravel.co.th/travel-info/%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b9%82%e0%b8%8a%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%b0-%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%94/">Continued</a>

วันนี้นู๋จุ๊บจะพาทุกท่านมาที่ภูมิภาค คิวชู อยู่ตอนใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งมีฟุกุโอกะเป็นเมืองหลวง หลายท่านอาจจะทราบ หรือบางท่านก็ยังไม่ทราบว่า ที่ฟุกุโอกะนอกจากจะมีทะเลทราย ชายหาดที่สวยงามแล้ว ก็ยังมีตึกสูงที่ชื่อว่า ฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกด้วยนะคะ ฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ (Fukuoka Tower)  เป็นแลนด์มาร์กสำคัญประจำเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่าวฮากาตะ (Hakata Bay) สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1989 โดยตัวหอคอยจะมีลักษณะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมเรขาคณิต และโครงสร้างภายนอกหอคอยมีการปูกระจกสีฟ้าแบบครึ่งแผ่น (Half Mirror) จำนวนกว่า 8,000 แผ่น ที่จะสะท้อนแสงสีฟ้า ซึ่งกลืนไปกับท้องฟ้าเลยค่ะ สถานที่นี้ ไม่ได้เป็นแค่จุดชมวิวเท่านั้นนะคะ แต่ที่นี่เพิ่งปรับโฉมใหม่ โดยการปรับปรุงในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการฉลองครบรอบเปิดให้บริการ 30 ปี โดยมีคอนเซ็ปต์ในการปรับปรุงคือ “สนุกไปกับท้องฟ้าของฟุกุโอกะ เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่งดงาม” และเป็นสถานที่คู่รักและนักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายภาพ ส่วนวิวเราจะสามารถชมได้รอบทิศรอบทางแบบ 360 องศาเลยนะคะ โดยจะสามารถขึ้นไปดูวิวได้ตรงบริเวณลานชมวิวที่มีความสูง 123 เมตร จุดชมวิวของที่นี่จึงมีชื่อว่า “SKY View 123”&nbsp;อีกทั้งเราจะมองเห็นอ่าวฮากาตะและรอบๆตัวเมือง ฟุกุโอกะอีกด้วย &nbsp; ฟุกุโอกะ ทาวเวอร์ (Fukuoka Tower)&nbsp;ได้รับโหวตให้ติด &hellip; <a href="https://www.jubileetravel.co.th/travel-info/%e0%b8%9f%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%b8%e0%b9%82%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%b0-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a8%e0%b8%8d%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9b%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99/">Continued</a>

วันนี้นู๋จุ๊บพาทุกท่านมาเที่ยววัดทานา ล็อต (Tanah Lot Temple) หรือ วัดปุรา ตานะห์ ล็อต (Pura Tanah Lot Temple) ที่ประเทศอินโดนีเซียค่ะ คำว่า ทานา ล็อต ในภาษาบาหลีนั้น แปลว่า ดินแดนในทะเล ก่อนที่นู๋จุ๊บจะพาเข้าไปชมด้านใน นู๋จุ๊บนำภาพมาฝาก จะเห็นได้ว่าระหว่างทางเข้า Tanah Lot จะมีร้านขายของฝากมากมายครอบคลุมทุกด้านรวมถึงมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารด้วยนะคะ ทางเข้าจุดท่องเที่ยว Tanah Lot ของจริงที่จะได้เข้าไปเห็นวิหารริมทะเลแล้วจ้า วิหารที่ตั้งอยู่บนผาหินนอกชายฝั่ง เกิดจากการกัดเซาะของเกลียวคลื่น วิหารบนโขดหินแห่งนี้เป็นวัดบาหลีแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงมาก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่11 โดย ดัง ฮยัง นิราร์ธา เป็นชาวฮินดู นอกจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วบรรยากาศก็ดีอีกด้วย ฟังเสียงคลื่นรับลมทะเลเพลินๆ นู๋จุ๊บแนะนำเลยค่ะสำหรับใครที่ชอบธรรมชาติแบบนี้ และเวลาที่เหมาะแก่การชม Tanah Lot ก็คือช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกค่ะ เพราะราจะได้มองเห็นพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่ค่อยๆส่องลงบริเวณหาด พอมองแล้วทำให้เราผ่อนคลายได้จริงๆค่ะ สิ่งที่ควรรู้ก่อนเที่ยว : วัดทานาล๊อต แห่งเกาะบาหลี : ดินแดนทะเล อินโดนีเซีย &hellip; <a href="https://www.jubileetravel.co.th/travel-info/%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%ad%e0%b8%95-%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b5-%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%99/">Continued</a>